แอบส่อง!! ต้นทุนพลังงานสีเขียวที่ลดลงอย่างรวดเร็วใน 10 ปีที่ผ่านมา

ประเด็นสำคัญ

• ราคาพลังงานแสงอาทิตย์แบบรวมแสง (Concentrated Solar Power) ลดลง 54% ตั้งแต่ปี 2014 และพลังงานแสงอาทิตย์แบบโฟโตโวลตาอิก (Photovoltaic: PV) ลดลง 75%

• พลังงานแสงอาทิตย์แบบรวมแสง ซึ่งใช้กระจกสะท้อนแสงเพื่อรวมแสงอาทิตย์ มีมูลค่าตลาด 53,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ในปี 2023

• พลังงานลมมีต้นทุนลดลงอย่างน้อย 60% เมื่อเทียบกับปี 2014 โดยได้รับแรงหนุนจากกำลังผลิตที่สูงขึ้นและเทคโนโลยีที่ช่วยลดต้นทุนการติดตั้ง

ในปี 2023 กำลังการผลิตพลังงานหมุนเวียนใหม่ 81% มีต้นทุนที่คุ้มค่ากว่าทางเลือกจากเชื้อเพลิงฟอสซิล สอดคล้องกับกฎของไรท์ (Wright’s Law) ที่ระบุว่าต้นทุนเทคโนโลยีจะลดลงเมื่อการผลิตขยายตัว ซึ่งแนวโน้มนี้เห็นได้ชัดในพลังงานสีเขียวปัจจุบัน

Timeline ต้นทุนพลังงานหมุนเวียนตั้งแต่ปี 2014

ในตารางด้านล่างนี้ แสดงให้เห็นว่าแหล่งพลังงานสีเขียวแต่ละแหล่งมีต้นทุนลดลงเป็นเลขสองหลักภายใน 10 ปีที่ผ่านมา:

จะเห็นได้ว่าพลังงานแสงอาทิตย์แบบโฟโตโวลตาอิก (PV) ถูกลง 75% เมื่อเทียบกับปี 2014 เมื่อราคาถูกลง การติดตั้งแผงโซลาร์ใหม่ทั่วโลกจึงเติบโตขึ้นประมาณสองเท่าทุกสามปี คาดว่าในปี 2025 การลงทุนในพลังงานแสงอาทิตย์ทั่วโลกจะสูงถึง 450,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ขณะเดียวกัน ต้นทุนพลังงานลมบนบก (onshore wind) ลดลง 62.3% และลมนอกชายฝั่ง (offshore wind) ลดลง 60% ในช่วงทศวรรษที่ผ่านมา กำลังการผลิตก็เพิ่มขึ้นอย่างมากตามขนาดกังหันลมที่ใหญ่ขึ้น ใบพัดที่ใหญ่ขึ้นทำให้ผลิตไฟฟ้าได้มีประสิทธิภาพมากขึ้น ลดต้นทุนและใช้กังหันจำนวนน้อยลง

การลดต้นทุนอย่างต่อเนื่องและการขยายกำลังการผลิตอย่างรวดเร็วนี้ทำให้เกิดการเปลี่ยนผ่านจากเชื้อเพลิงฟอสซิลไปสู่พลังงานหมุนเวียน โดยมีบริษัทเทคโนโลยีขนาดใหญ่เป็นผู้นำในการลงทุน โดยคาดว่าพลังงานสีเขียวจะคิดเป็น 40% ของกำลังการผลิตไฟฟ้าใหม่ในศูนย์ข้อมูลแห่งอนาคต

-------------------

ที่มา:

Chart: The Plummeting Cost of Renewable Energy, https://www.visualcapitalist.com/the-plummeting-cost-of-renewable-energy/