NASA ได้เผยภาพ “เสาแห่งการก่อกำเนิด” ที่ตั้งอยู่ภายในเนบิวลานกอินทรี ซึ่งอยู่ห่างออกไป 6,500 ปีแสง ถูกถ่ายโดยกล้องโทรทรรศน์อวกาศเจมส์เว็บบ์ แสดงให้เห็นกลุ่มฝุ่นและแก๊สและดาวฤกษ์ใหม่ที่เพิ่งกำเนิดขึ้น ซึ่งภาพถ่ายใหม่ที่เพิ่งเผยแพร่นี้จะช่วยให้นักวิทยาศาสตร์สามารถระบุจำนวนดาวฤกษ์ที่เพิ่งกำเนิดใหม่ได้แม่นยำมากขึ้น และศึกษาเกี่ยวกับแก๊สและฝุ่นในพื้นที่ดังกล่าว
วันนี้ (20 ต.ค. 65) ทาง NASA ได้เผยภาพ “เสาแห่งการก่อกำเนิด” ที่ตั้งอยู่ภายในเนบิวลานกอินทรี ซึ่งอยู่ห่างออกไป 6,500 ปีแสง ที่ถูกถ่ายโดยกล้องโทรทรรศน์อวกาศเจมส์เว็บบ์ กล้องอินฟาเรดย่านใกล้ หรือ NIRCam (Near Infrared Camera) แสดงให้เห็นกลุ่มฝุ่นและแก๊สและดาวฤกษ์ใหม่ที่เพิ่งกำเนิดขึ้น ซึ่งไม่สามารถมองเห็นได้ด้วยตามนุษย์
โดย “เสาแห่งการกำเนิด” (Pillars of Creation) ที่ภายในประกอบด้วยดาวฤกษ์และกระจุกดาวอายุน้อย กลุ่มของฝุ่นและแก๊สจำนวนมากรวมตัวกันเนื่องจากแรงโน้มถ่วง เกิดเป็นกลุ่มแก๊สที่มีความหนาแน่นและอุณหภูมิสูง ทำให้บริเวณนี้มีการกำเนิดดาวฤกษ์ใหม่ ๆ
ก่อนหน้านี้ เสาแห่งการก่อกำเนิด เป็นที่รู้จักจากภาพถ่ายโดยกล่องอวกาศฮับเบิลที่ถ่ายในปี 2538 และและกลับมาอีกครั้งในปี 2557 เพื่อเผยให้เห็นมุมมองที่คมชัดและกว้างกว่าในแสงที่มองเห็นได้ มุมมองแสงใกล้อินฟราเรดแบบใหม่จากกล้องโทรทรรศน์อวกาศเจมส์ เวบบ์ ของ NASA ช่วยให้เรามองผ่านฝุ่นในบริเวณที่ก่อตัวดาวฤกษ์ได้มากขึ้น เสาสีน้ำตาลที่ก่อนหน้านี้หนาและเต็มไปด้วยฝุ่นทึบ นั้นไม่ทึบอีกต่อไปและเห็นดาวสีแดงอีกหลายดวงที่ยังคงก่อตัวขึ้นและปรากฏให้เห็น ซึ่งภาพถ่ายใหม่ที่เพิ่งเผยแพร่นี้จะช่วยให้นักวิทยาศาสตร์สามารถระบุจำนวนดาวฤกษ์ที่เพิ่งกำเนิดใหม่ได้แม่นยำมากขึ้น และศึกษาเกี่ยวกับแก๊สและฝุ่นในพื้นที่ดังกล่าวโดยข้อมูลเหล่านี้จะสร้างความเข้าใจเรื่องการก่อตัวของดวงดาว
โดยดาวฤกษ์ที่เพิ่งก่อตัวใหม่คือ ลูกกลมสีแดงสดที่โดยทั่วไปแล้วจะมีหนามแหลมและอยู่นอกเสาที่มีฝุ่นมาก เมื่อปมที่มีมวลเพียงพอก่อตัวขึ้นภายในเสาของก๊าซและฝุ่น พวกมันจะเริ่มยุบตัวภายใต้แรงโน้มถ่วงของพวกมันเอง และค่อยๆ ร้อนขึ้น และในที่สุดก็ก่อตัวเป็นดาวดวงใหม่
ทั้งนี้ James Webb Space Telescope (JWST) ความหวังใหม่ขององค์การบริหารการบินและอวกาศ NASA ร่วมมือกับองค์การอวกาศยุโรป และแคนาดา เป็นกล้องโทรทรรศน์อวกาศที่ทันสมัยที่สุดในยุคปัจจุบัน
นอกจากนี้ ดาวฤกษ์และดาวเคราะห์ในกาแล็กซีนั้นก่อกำเนิดขึ้นท่ามกลางฝุ่นอันหนาทึบของเนบิวลาที่คอยบดบังแสง การศึกษาวัตถุเหล่านี้จึงทำได้เพียงในช่วงคลื่นอินฟราเรดที่สามารถทะลุทะลวงกลุ่มฝุ่นอันหนาทึบออกมาได้ ซึ่ง JWST จะสามารถส่องทะลุเนบิวลาก่อกำเนิดไปเห็นกระบวนการกำเนิดดาวฤกษ์และดาวเคราะห์ที่เรายังไม่เคยเห็นมาก่อน
ขอบคุณภาพจาก NASA