ทำไมสหรัฐอเมริกาและจีน ต้องแข่งขันกันไปยังดวงจันทร์?
- OST Washingtondc
- Nov 3
- 1 min read

สหรัฐอเมริกาและจีนกำลังเร่งแข่งกันกลับไปเหยียบดวงจันทร์อีกครั้ง โดยสหรัฐอเมริกาตั้งเป้าจะส่งมนุษย์ลงบนดวงจันทร์ภายในปี 2028 ในขณะที่จีนตั้งเป้าไว้ไม่เกินปี 2030 การแข่งขันนี้ไม่เพียงเป็นการสำรวจเพื่อเพิ่มพูนความรู้ทางวิทยาศาสตร์เท่านั้น แต่ยังสะท้อนศึกชิงอำนาจเชิงภูมิรัฐศาสตร์และเศรษฐกิจในอวกาศยุคใหม่ นอกจากรัฐบาลแล้ว ภาคเอกชนก็เร่งเข้ามาชิงส่วนแบ่งทรัพยากรอันล้ำค่าจากดวงจันทร์ เช่น บริษัท Bluefors จากฟินแลนด์ ผู้ผลิตระบบทำความเย็น (cryogenics company) ได้ลงนามในสัญญากับ Interlune สตาร์ทอัพด้านการพาณิชย์อวกาศของสหรัฐฯ เพื่อซื้อฮีเลียม-3 (Helium-3) จากดวงจันทร์ 10,000 ลิตร คิดเป็นมูลค่าราว 300 ล้านดอลลาร์ สหรัฐฯ
ฮีเลียม-3 เป็นไอโซโทปเสถียรของฮีเลียมที่พบได้ยากบนโลก แต่มีมากบนดวงจันทร์ซึ่งไม่มีชั้นบรรยากาศป้องกันจากลมสุริยะ ทำให้ธาตุนี้ถูกฝังอยู่ในผิวดวงจันทร์ และเป็นทรัพยากรที่มีมูลค่าสูงเพราะสามารถใช้เป็นเชื้อเพลิงนิวเคลียร์ฟิวชัน หรือใช้ในการทำความเย็นคอมพิวเตอร์ควอนตัมได้ อย่างไรก็ตาม การสกัดฮีเลียม-3 ไม่ใช่เรื่องง่าย Interlune ต้องพิสูจน์ให้ได้ว่าการได้มาซึ่งฮีเลียม-3จากชั้นดินผิวดวงจันทร์ (regolith) นั้นคุ้มค่าทางเศรษฐกิจ เนื่องจากต้องขุดผิวของดวงจันทร์หลายล้านตันเพื่อให้ได้ไอโซโทปในปริมาณที่ใช้ได้ ขณะที่ต้นทุนขนส่งอุปกรณ์ขึ้นไปยังดวงจันทร์ยังสูงมาก
Interlune จึงไม่ใช่ผู้เล่นรายเดียวในสนามนี้ บริษัทด้านอวกาศชื่อดังอย่าง Blue Origin ก็ลงนามในข้อตกลงเพื่อทำแผนที่ทรัพยากรทั้งฮีเลียม-3 และน้ำแข็ง เพื่อประเมินการนำมาใช้จริงในอนาคต โดยน้ำแข็งบนดวงจันทร์ก็เป็นทรัพยากรสำคัญเช่นกัน เพราะสามารถแปรรูปเป็นน้ำดื่ม ออกซิเจน และเชื้อเพลิงจรวดได้ ดังนั้นความร่วมมือระหว่างภาครัฐและเอกชนจึงเป็นแรงขับสำคัญที่ทำให้แนวคิด “เหมืองดวงจันทร์” ใกล้ความจริง อีกทั้งทรัพยากรเหล่านี้อาจเป็นกุญแจสำคัญในการสร้างฐานที่อยู่ถาวรบนดวงจันทร์ (lunar base) ซึ่งอาจกลายเป็นตัวชี้ขาดในสงครามอวกาศยุคใหม่ เพราะดวงจันทร์มีกลางคืนยาวนานถึงสองสัปดาห์ของโลก ทำให้พลังงานนิวเคลียร์เป็นทางเลือกที่เสถียรกว่าพลังงานแสงอาทิตย์ ดังนั้นประเทศแรกที่สามารถติดตั้งระบบพลังงานนิวเคลียร์บนดวงจันทร์ได้ จะมีอำนาจกำหนดเขต และจะเป็นผู้สร้างบรรทัดฐานทางกฎหมายสำหรับการดำเนินงานบนดวงจันทร์ในอนาคต
อย่างไรก็ดี แม้หลายบริษัทเริ่มลงนามในข้อตกลงเพื่อสกัดและจำหน่ายทรัพยากรดวงจันทร์ แต่คำถามใหญ่ยังคงอยู่ นั่นคือดวงจันทร์มีฮีเลียม-3 เพียงพอหรือไม่ และเทคโนโลยีฟิวชันจะพร้อมใช้งานจริงเมื่อใด ขณะเดียวกัน เศรษฐกิจในวงโคจรของดวงจันทร์ที่ NASA มุ่งหวังก็ยังอยู่ในระยะเริ่มต้น โดยมีเพียง SpaceX ที่กำลังพัฒนาระบบขนส่งแบบนำกลับมาใช้ซ้ำได้ เพื่อเชื่อมต่อโลกกับดวงจันทร์อย่างมีประสิทธิภาพ ในขณะที่การแข่งขันดำเนินไป ดวงจันทร์จึงไม่ใช่เพียงจุดหมายปลายทางแห่งการสำรวจอีกต่อไป แต่กำลังกลายเป็นสมรภูมิแห่งทรัพยากรที่จะกำหนดอำนาจของโลกในศตวรรษหน้า
_________
ที่มา: Mining Company Says It’s Identified Hugely Valuable Material on Surface of the Moon, https://nz.news.yahoo.com/mining-company-says-identified-hugely-161500083.html




Comments