จรวด Artemis II ของ NASA พร้อมส่งลูกเรือสู่ดวงจันทร์
- OST Washingtondc
- Sep 22
- 1 min read
Updated: Sep 23
จรวด Artemis II SLS (Space Launch System) ของ NASA ซึ่งเตรียมส่งนักบินอวกาศ 4 คนออกเดินทางจากโลกไปโคจรรอบดวงจันทร์ในปีหน้า เมื่อเทียบกับจรวดรุ่น Artemis I แล้ว วิศวกรได้ปรับปรุงจรวด Artemis IIทั้งภายในและภายนอกเพื่อเพิ่มสมรรถนะ ความน่าเชื่อถือ และความปลอดภัย

ทีมงานจากระบบภาคพื้นของ NASA ได้รวมแกนของจรวด SLS (Space Launch System) สำหรับภารกิจไปยังดวงจันทร์ เข้ากับบูสเตอร์จรวดเชื้อเพลิงแข็ง บนแท่นยิงเคลื่อนที่หมายเลข 1 ภายในอาคารประกอบ (Vehicle Assembly Building) ส่วน High Bay 3 ที่ศูนย์อวกาศเคนเนดีของ NASA ในเดือนมีนาคม ปี 2025 (เครดิตภาพ: NASA/Frank Michaux)
หลังจากที่เที่ยวบินทดสอบของจรวด Artemis I ประสบความสำเร็จอย่างสมบูรณ์แบบ มีสมรรถนะการควบคุมและความมั่นคงเชิงโครงสร้าง โดยสามารถส่งยาน Orion ที่ไร้ลูกเรือออกไปไกลกว่าดวงจันทร์หลายพันไมล์ พร้อมเก็บข้อมูลสำคัญให้วิศวกรนำมาพัฒนาต่อนั้น สำหรับในส่วนของจรวด Artemis II ส่วนประกอบหลักยังคงเดิม อันได้แก่ แกนกลางพร้อมเครื่องยนต์ RS-25 สี่เครื่อง บูสเตอร์เชื้อเพลิงแข็งแบบห้าส่วนสองชุด และอะแดปเตอร์เชื่อมต่อกับยาน Orion แต่ความแตกต่างอยู่ในรายละเอียดที่วิศวกรได้ปรับปรุงจากบทเรียนของภารกิจก่อนหน้า
John Honeycutt ผู้จัดการโครงการ SLS กล่าวว่า “แม้ผลการบินของ Artemis I จะยืนยันความถูกต้องของการออกแบบ แต่เรายังพัฒนาต่อเพื่อให้ Artemis II รองรับลูกเรือได้ดียิ่งขึ้น”
การปรับปรุงที่สำคัญมีดังนี้:
ติดตั้งเป้าออปติคัลบนจรวดขับดันขั้นกลาง (Interim Cryogenic Propulsion Stage: ICPS) เพื่อช่วยนักบิน Orion ฝึกควบคุมยานด้วยมือ เตรียมสำหรับการเทียบท่าใน Artemis III
พัฒนาระบบนำทางและสื่อสาร พร้อมปรับตำแหน่งเสาอากาศใหม่เพื่อการติดต่อกับสถานีภาคพื้นและกองทัพอวกาศสหรัฐฯ ได้ต่อเนื่อง
เสริมระบบตรวจจับเหตุฉุกเฉินบน ICPS แจ้งเตือนลูกเรือได้ทันท่วงที และเพิ่มเวลาหน่วงให้ระบบทำลายตัวเอง เพื่อให้ Orion มีเวลามากขึ้นหากยกเลิกภารกิจ
ปรับมุมมอเตอร์แยกตัวของบูสเตอร์อีก 15 องศา เพิ่มความปลอดภัยระหว่างการแยกตัว
เร่งเวลาปลดบูสเตอร์เร็วกว่ารุ่นก่อน 4 วินาที ช่วยเพิ่มน้ำหนักบรรทุกสู่วงโคจรโลกได้ราว 1,600 ปอนด์สำหรับเที่ยวบินในอนาคต
ติดตั้งแผ่นแหวกอากาศยาว 7 ฟุต 5 นิ้ว บริเวณจุดเชื่อมบูสเตอร์ ลดแรงสั่นสะเทือนจากการไหลของอากาศ ซึ่งตรวจพบมากกว่าที่คาดไว้ใน Artemis I
อัปเดตระบบอิเล็กทรอนิกส์และหน่วยจ่ายพลังงานใหม่ ให้ทนต่อแรงสั่นสะเทือนสูงขึ้น ซึ่งติดตั้งอยู่ใน intertank เพื่อควบคุมการจ่ายไฟให้กับระบบอิเล็กทรอนิกส์อื่น ๆ ของจรวด และป้องกันความเสียหายจากไฟฟ้า
การปรับปรุงทั้งหมดนี้ทำให้ SLS พร้อมรองรับลูกเรือในยุคทองแห่งนวัตกรรมและการสำรวจของ NASA
เที่ยวบินทดสอบ Artemis II ซึ่งใช้เวลาประมาณ 10 วันนี้ถือเป็นอีกก้าวสำคัญของสหรัฐฯ สู่การกลับไปเยือนดวงจันทร์ และปูทางสู่การส่งมนุษย์ไปดาวอังคารในอนาคต
ที่มา:
NASA Artemis II Moon Rocket Ready to Fly Crew, www.nasa.gov/directorates/esdmd/common-exploration-systems-development-division/space-launch-system/nasa-artemis-ii-moon-rocket-ready-to-fly-crew
Comments