top of page

สามบริษัทใหญ่ เจเนรัล มอเตอร์ส, ฟอร์ด, และ กูเกิล ร่วมมือพัฒนาโรงไฟฟ้าเสมือน

บริษัทรถยนต์ เจเนรัล มอเตอร์ส (จีเอ็ม) และ ฟอร์ด และบริษัทเทคโนโลยี กูเกิล และผู้ผลิตพลังงานแสงอาทิตย์อีกหลายแห่ง เปิดเผยโครงการจัดทำมาตรฐานสำหรับยกระดับการใช้ โรงไฟฟ้าเสมือนจริง หรือ Virtual Power Plant (VPP) ซึ่งเป็นระบบที่ช่วยลดภาระการผลิตไฟฟ้าในกรณีที่ขาดแคลนปัจจัยการผลิต



บริษัทพลังงานที่ไม่แสวงหาผลกำไร RMI เป็นผู้เริ่มจัดทำโครงการที่มีชื่อว่า Virtual Power Plant Partnership (VP3) ที่มีเป้าหมายจัดทำนโยบายเพื่อสนับสนุนระบบดังกล่าว โรงไฟฟ้าเสมือนจริงรวบรวมแหล่งพลังงานแบบกระจายอำนาจหลายพันแห่งเข้าด้วยกัน เช่น ยานพาหนะไฟฟ้าหรือเครื่องทำความร้อนไฟฟ้าที่ควบคุมโดยเทคโนโลยีอัจฉริยะ เมื่อได้รับอนุญาตจากผู้บริโภค โครงการนี้จะใช้ซอฟต์แวร์ขั้นสูงเพื่อตอบสนองต่อการขาดแคลนไฟฟ้าด้วยเทคนิคต่างๆ เช่น การเปลี่ยนแบตเตอรี่ของครัวเรือนหลายพันครัวเรือน แบตเตอรี่ในรถยนต์ไฟฟ้า จากโหมดเติมประจุ (Charging) เป็นโหมดคายประจุ (Discharging) หรือสั่งให้อุปกรณ์ที่ใช้ไฟฟ้า เช่น เครื่องทำน้ำอุ่น ปิดเครื่องการบริโภคของพวกเขา


ในช่วงที่เกิดวิกฤติคลื่นความร้อนในสหรัฐฯ เมื่อเดือนสิงหาคมปีที่แล้ว บริษัทขายส่งไฟฟ้าในรัฐแคลิฟอร์เนีย System Operator สามารถหลีกเลี่ยงปัญหาไฟดับได้ด้วยการจัดสรรไฟฟ้าทดแทนจากแหล่งต่างๆ รวมทั้ง VPP เพื่อให้สามารถจ่ายไฟได้เพียงพอภายใต้ภาวะฉุกเฉิน โดยมีเทคโนโลยี Nest ของกูเกิล เป็นตัวช่วยในการจัดสรรไฟฟ้า


โครงการโรงไฟฟ้าเสมือนจริงนี้กำลังเติบโตอย่างรวดเร็วในสหรัฐฯ ด้วยการสนับสนุนภายใต้กฎหมาย Inflation Reduction Act ซึ่งผ่านรัฐสภาเมื่อปี 2564 ที่ได้มอบผลประโยชน์ทางภาษีแก่เทคโนโลยีพลังงานทางเลือกต่างๆ RMI คาดการณ์ว่า ภายในปี 2572 โรงไฟฟ้าเสมือนจริง หรือ VPP จะช่วยลดปริมาณการใช้ไฟฟ้าของคนอเมริกันในช่วงสูงสุดได้ราว 60 กิกะวัตต์ หรือเพียงพอป้อนความต้องการไฟฟ้าโดยเฉลี่ยของ 50 ล้านครัวเรือน และคาดว่าจะเพิ่มเป็น 200 กิกะวัตต์ภายในปี 2593




bottom of page